Monday, November 26, 2012

การตรวจสอบและรับรองบัญชี

                                              การตรวจสอบและรับรองบัญชี

           การตรวจสอบและรับรองบัญชี เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรนั้น ได้กำหนดให้มีขึ้นตั้งแต่ปี 2496 เป็นต้นมา โดยได้มีการเพิ่มบทบัญญัติมาตรา 3 สัตต แห่งประมวลรัษฎากร

ในเบื้องต้น กรมสรรพากรยังไม่ได้กำหนดบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มี หน้าที่ต้องจัดทำบัญชีงบดุล บัญชีทำการ และบัญชีกำไรขาดทุน ต้องจัดให้มีการตรวจสอบและรับรองบัญชีเพื่อการยื่นแบบแสดงรายการและเสียภาษี เงินได้นิติบุคคลจากฐานกำไรสุทธิ หรือแบบ ภ.ง.ด. 50

ต่อ มาในปี 2523 อธิบดีกรมสรรพากร ได้ออกประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับการตรวจสอบและรับรองบัญชี เรื่องกำหนดระเบียบเกี่ยวกับการตรวจสอบและรับรองบัญชีตามมาตรา 3 สัตต แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 19 มิถุนายน 2523 โดยให้มีผลใช้บังคับทั่วราชอาณาจักร 
สำหรับ การตรวจและรับรองบัญชีเพื่อยื่นต่อเจ้าพนักงานประเมินพร้อมกับแบบแสดงรายการ เสียภาษีเงินได้ สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่สิ้นสุดในหรือหลังวันที่ 31 ธันวาคม 2523 เป็นต้นไป โดยกำหนดให้ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการผู้สอบบัญชีเป็นผู้ตรวจ สอบและรับรองบัญชีดังกล่าว 

              
ครั้น พอถึงปี 2543 กรมทะเบียน การค้าในสมัยนั้น ได้ปรับปรุงยกเลิกกฎหมาย ว่าด้วยการบัญชี หรือ ป.ว. 285 พ.ศ. 2515 โดยพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 ซึ่งตามมาตรา 11 วรรคท้าย ได้กำหนดให้มี การออกกฎกระทรวงเพื่อกำหนดจำนวนทุน สินทรัพย์และรายได้ ทุกรายการของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ซึ่งได้รับยกเว้นไม่ต้องจัดให้งบการเงินได้รับการตรวจสอบและแสดงความเห็นโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต  
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ออกกฎกระทรวงว่าด้วยการยกเว้นไม่ต้องจัดให้งบการเงินได้รับการตรวจสอบและแสดงความเห็นโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต พ.ศ. 2544 กำหนด ให้ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยที่มีทุนชำระแล้วในวัน สุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีสินทรัพย์ไม่เกิน 30 ล้านบาท และมีรายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาท ในรอบระยะเวลาบัญชีที่สิ้นสุดในหรือหลังวันที่ 31 ธันวาคม 2545 เป็นต้นไป
ด้วย เหตุผลสำคัญประการหนึ่ง คือ ในประเทศไทยมีผู้สอบบัญชีรับอนุญาตไม่เพียงพอที่จะให้บริการแก่ห้างหุ้นส่วน ขนาดเล็กที่งบการเงินยังไม่มีนัยสำคัญหรือมีจำนวนเงินที่มากเพียงพอแก่การ ที่ต้องตรวจสอบและรับรองบัญชี
ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวไม่พ้นบ่วงกรรม แต่ต้องขอยกยอดไปสัปดาห์หน้าครับ.

----------------------------------------------------------------
    สำหรับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยขนาดเล็ก ได้แก่ ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนที่มีทุนชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีสินทรัพย์ไม่เกิน 30 ล้านบาท และมีรายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาท ได้รับยกเว้น ไม่ต้องจัดให้งบการเงินได้รับการตรวจสอบและแสดงความเห็นโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต ในรอบระยะเวลาบัญชีที่สิ้นสุดในหรือหลังวันที่ 31 ธ.ค. 45 เป็นต้นมา
ซึ่งมี เหตุผลสำคัญ คือ ในประเทศไทยมีผู้สอบบัญชีรับอนุญาตไม่เพียงพอที่จะให้บริการ และห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนขนาดเล็กดังกล่าวมีงบการเงินยังไม่มีนัยสำคัญหรือ มีจำนวนเงินที่มากเพียงพอแก่การที่ต้องตรวจสอบและรับรองบัญชี
คงปล่อยให้เป็นภาระความรับผิดชอบของ ผู้จัดทำบัญชีของห้างหุ้นส่วนดังกล่าว ที่ต้องรับรองว่างบการเงินของห้างฯ เป็นไปตามมาตรฐาน หรือเข้า “แกป” (GAAP)
สำนวน “ทำอะไรไม่เข้าแกป” จึงหมายถึงการไม่มีมาตรฐาน หรือไม่ได้ตามมาตรฐาน เพราะ แกป หมายถึง หลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป หรือมาตรฐานการบัญชี
เมื่อกฎหมายว่าด้วยการบัญชีมีผลใช้ บังคับในวันที่ 10 ส.ค.43 ก่อให้เกิดความกระเพื่อมไหวหรือมีผลกระทบต่อการบริหาร จัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลของกรมสรรพากร ที่อาศัยพื้นฐานการตรวจสอบและรับรองบัญชี งบดุล บัญชีทำการ และบัญชีกำไรขาดทุน โดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต (ซีพีเอ) มาตั้งแต่ปี 23 จนชินว่า ต้องมีผู้ตรวจสอบและรับรองงบการเงินมาชั้นหนึ่งก่อนที่จะยื่นแบบแสดงรายการ และเสียภาษีเงินได้ให้แก่กรมสรรพากร
ดังเป็นที่ทราบกันว่า แม้จะแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 3 สัตต แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดให้อธิบดีกรมสรรพากรมีอำนาจอนุญาตให้มีบุคคลทำการตรวจสอบและรับรอง บัญชี เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรมาตั้งแต่ปี 2496 แล้วก็ตาม กรมสรรพากรก็มิได้ดำเนินการอะไร
หากแต่มีข้อสมมุติว่า ถ้าผู้ต้องเสียภาษีจัดทำบัญชีตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป ก็จะนำไปสู่การเสียภาษีอากรที่ถูกต้องครบถ้วนได้ จึงได้กำหนดให้ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการสอบบัญชี เป็นผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชีงบดุล บัญชีทำการ และบัญชีกำไรขาดทุนทางภาษีอากรอีกชั้นหนึ่ง
เมื่อทาง บัญชีมาละทิ้งห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนขนาดเล็ก ว่าไม่ต้องจัดให้มีการตรวจสอบและรับรองบัญชีเสียแล้ว กรมสรรพากรจึงต้องลุกขึ้นมาดำเนินการอะไรกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนขนาดเล็ก ดังกล่าว
และแล้ว คำว่า “ผู้สอบบัญชีภาษีอากร” หรือ ทีเอ (Tax Auditor) ก็บังเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 44 เป็นต้นมา

0 comments:

Post a Comment